อย่างที่ทราบกันดีว่าคุณสมบัติของ Cotton Fabric หรือผ้า Cotton นั้นมีจุดเด่นที่ทำให้หลายคนหลงใหลคือ เนื้อนุ่มใส่สบาย เพราะเส้นใยฝ้ายสามารถระบายความร้อนได้ดี ฉะนั้นผู้บริโภคทั่วโลกจึงนิยมเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มาจากฝ้ายหรือคอตตอนแท้ 100% แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง… ต่อมาจึงการนำเส้นใยจากฝ้ายมาผสมกับเส้นใยอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นใยสังเคราะห์เพื่อทำให้ราคาลดลง นอกจากนั้นยังสามารถมีเส้นใยชนิดใหม่ๆ สำหรับผลิตเสื้อผ้าเพื่อเป็นตัวเลือกที่หลากหลายให้ผู้บริโภคได้อีกด้วย
อย่างที่ทราบดีว่า Cotton Fabric หรือผ้า Cotton นั้นคือผ้าที่ทำมาจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ จึงให้สัมผัสที่นุ่มสบาย มีความทนทานสูง สามารถดูดซับความชื้นจากเหงื่อและน้ำได้ดี จึงเหมาะสำหรับนำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มสำหรับหน้าร้อน และทนต่อความร้อนจากการรีดด้วยอุณหภูมิสูงได้เป็นอย่างดี
1. ชนิดของเส้นด้าย : สำหรับเส้นด้ายของฝ้ายที่นำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าต่างๆ จะถูกแบ่งชนิดตามเบอร์ของเส้นด้าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่ 3 เบอร์ คือ 20, 32 และ 40 โดยเรียงตามขนาดของเส้นด้ายจากใหญ่ไปเล็ก
• คอตตอน 100% เบอร์ 20 : เป็นผ้าที่มีขนาดของเส้นด้ายใหญ่มากที่สุด เนื้อผ้าจึงมีลักษณะค่อนข้างหนา แต่ราคาถูกสุด
• คอตตอน 100% เบอร์ 32 : เป็น Cotton Fabric ที่มีขนาดของเส้นด้ายเล็กกว่าเบอร์ 20 จึงมีเนื้อผ้านุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี และเป็นที่นิยมนำมาผลิตเสื้อผ้ามากที่สุด
• คอตตอน 100% เบอร์ 40 : เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นด้ายขนาดเล็ก เนื้อผ้าจึงมีความละเอียด นุ่มนวล เบาสบาย นิยมนำมาทำเสื้อผ้าของเด็กทารก เพราะต้องการเสื้อผ้าที่เนียนละเอียดเบาบางเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ระคายผิวอันบอบบาง นั่นเอง
จะเห็นได้ว่าขนาดของเส้นด้ายนั้น ยิ่งมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีราคาที่สูงมากขึ้น ซึ่งความจริงแล้วก็ยังมีเบอร์เส้นด้ายที่มากกว่า 50 ขึ้นไป แต่จะไม่ค่อยพบในท้องตลาดมากนัก เนื่องจากเป็นเส้นด้ายคุณภาพพรีเมี่ยมและมีราคาสูง เพราะกระบวนการในการผลิตเส้นด้ายให้มีขนาดเล็ก จะต้องใช้เครื่องจักรและการผลิตที่ยุ่งยากซับซ้อน จึงทำให้มีต้นทุนในการผลิตที่ค่อนข้างสูง นั่นเอง
2. กระบวนการผลิตเส้นด้าย : ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของสายพันธุ์ฝ้าย, การคัดสรรคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของฝ้าย ล้วนเป็นเหตุปัจจัยสำคัญของคุณภาพฝ้ายที่นำมาใช้ผลิต Cotton Fabric อีกทั้งการเรียงตัวและความสม่ำเสมอของเนื้อผ้าของเส้นด้ายก็ยังมีผลต่อความหนาแน่นทนทานอีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งเกรดของผ้าคอตตอนจากกระบวนการผลิต ได้ดังต่อไปนี้
• Cotton Comb : ถือเป็นผ้าที่มีความเนียนและเงามาก จึงมีราคาสูงที่สุดในประเภท Cotton Fabric ทั้งหมด เพราะเป็นผ้าที่มีกระบวนการผลิตเส้นด้ายที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากกว่าประเภทอื่นๆ ด้วยวิธีการหวีเส้นใยด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพมากที่สุด โดยเส้นด้ายที่มีขนาดเบอร์ 32 ขึ้นไป มีความยาว เส้นเล็ก และสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกจากเส้นใยได้มากที่สุด เมื่อนำเส้นใยของ Cotton Comb มาทอเป็นผืนจะได้ผ้าคอตตอนที่เนื้อดี มีความนุ่ม มัน เงา เหนียวทนทาน ไม่ขาดง่าย นั่นเอง
• Cotton Semi : เป็น ผ้าฝ้าย เกรดระดับปานกลาง ที่มีกระบวนการผลิตคล้ายกับ Cotton Comb คือใช้เครื่องจักรในการสางเส้นใยฝ้ายแต่ไม่ละเอียดเท่า ซึ่งเส้นด้ายเกรดนี้จะเป็นเส้นด้ายใยที่สั้นและมีขนาดใหญ่ตั้งแต่เบอร์ 20 – 32 โดยคุณสมบัติของผ้า Cotton Semi เนื้อผ้าจะมีความเนียนนุ่มที่น้อยกว่า Cotton Comb เล็กน้อย
• Cotton OE : เป็น ผ้าฝ้าย เกรดต่ำมากที่สุด มีความกระด้างมากกว่า 2 ประเภท เพราะเป็นการนำเส้นใยจากดอกฝ้ายที่ไม่ผ่านกระบวนการคัดสรรคุณภาพ มาปั่นรวมกันจนได้มาเป็นเส้นใยฝ้าย เมื่อนำมาทอเป็นผืนผ้าจะมีลักษณะผิวเรียบแต่ไม่ละเอียด คุณภาพของผ้าคอตตอนชนิดนี้จึงมีความกระด้างมากที่สุด จึงมีความทนทานต่ำและราคาถูก
1. ผ้า CVC : คือผ้ามีส่วนผสมของ Cotton 70-80% และ Polyester 20-30% ซึ่งเป็นผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง เนื้อผ้านุ่มแน่นแต่บางเบา มีความละเอียดใส่สบาย ระบายอากาศและ ดูดซับเหงื่อได้ดี เนื้อผ้ามีความอยู่ทรง ไม่หด ไม่ย้วย แม้ผ่านการซักทำความสะอาดบ่อยครั้ง มีคุณสมบัติที่ดีเกือบเทียบเท่าผ้าคอตตอนหรือ Cotton Fabric 100% แต่มีราคาถูกกว่า
2. ผ้า TC : คือผ้ามีส่วนผสมของ Cotton 30-35% และ Polyester 65-70% ทำให้เนื้อผ้าที่ได้มีความคงตัว ไม่ยับ ไม่หดง่าย เป็นผ้าที่นิ่มใส่สบายคล้ายผ้าCVC แต่เนื่องจากมีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์เยอะ จึงระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก
หมายเหตุ : Polyester หรือที่รู้จักกันในชื่อ ผ้า TK ที่ผลิตขึ้นมาจากเส้นใยสังเคราะห์ ผ่านกระบวนการทางเคมีของ Ethylene Glycol และ กรด Terephthalic ทำให้ได้เส้นใยพลาสติกที่มีความแข็งแรงกว่าเส้นใยจากธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูงและทนทานต่อการฉีกขาดได้ดี และนอกจากโพลีเอสเตอร์จะสามารถนำมาผสมกับ Cotton Fabric ได้แล้ว ยังสามารถนำมาพัฒนาให้มีความนุ่มนวลจนมีสัมผัสคล้ายกันกับผ้าไหม ที่มีชื่อเรียกในประเภทต่างๆ เช่น Silk satin , Silk Italy และ Silk Spain เป็นต้น
3. ผ้าอ๊อกฟอร์ด (Oxford) : คือผ้าคอตตอนที่มีการถักทอออกมาแบบพิเศษ โดยเป็นการสานด้ายเส้นใหญ่เหนือด้ายเส้นเล็กสองเส้น แล้วจึงลอดด้ายเส้นเล็กหนึ่งเส้น โดยทำวนสลับไปเรื่อยๆ ทำให้เห็นเป็นลวดลายตารางถี่ๆ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเทคนิคนี้เรียกว่า Basket Weave เนื้อผ้าอ๊อกฟอร์ดจะมีลักษณะหนาและมีน้ำหนัก แต่ก็สามารถระบายเหงื่อหรืออากาศได้ดี นิยมนำไปผลิตเป็นกระเป๋า หรือเสื้อเชิ้ตที่ตัดเย็บให้เข้ารูปพอดีตัว เพื่อช่วยทำให้ผู้สวมใส่มีรูปร่างที่ดูดีมากยิ่งขึ้น
4. ผ้าทวิล (Twill fabric) : คนส่วนใหญ่รู้จักและมักจะเรียกว่า “ผ้าลายสอง” ซึ่งเป็นชื่อมาจากการใช้เส้นด้ายด้านบนแบบเส้นเดี่ยว พาดทับกับเส้นด้ายด้านล่าง 2 เส้น และทอเลื่อนไปในแต่ละแถวเพื่อให้เกิดลวดลายที่เป็นเส้นทแยงมุมขึ้นขนานกันไปตลอดทั้งผืน โดยการทอผ้าทวิลนั้นสามารถทอได้จากเส้นใยต่างๆ ทั้ง เส้นใยฝ้าย เส้นใยลินิน เส้นใยไหมหรือเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งความหนาและบางของผ้าจะวัดจากน้ำหนักที่แตกต่างกันออกไปตามขนาด ประเภท และจำนวนของเส้นด้ายที่นำมาใช้ทอ อย่างบางแห่งก็อาจจะเรียกผ้าทวิลที่มีน้ำหนักมากกว่า 12 ออนซ์ ว่า “Bull Denim” เป็นต้น
5. ผ้า Wrinkle-free : คือผ้าที่ผลิตขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างเส้นใยโพลีเอสเตอร์และเส้นใยของ Cotton Fabric หรือคอตตอนอยู่ 50%-100% พร้อมกับการใช้สารเคมีประเภท Ethylene เช่น Liquid Ammonia Dry Cure หรือ Liquid Ammonia Moist cure เพื่อช่วยให้ปัญหาเรื่องการยับน้อยลงหรือสามารถคงรูปได้นาน แม้จะผ่านการซักทำความสะอาดหลายครั้งก็ตาม
6. ผ้า Cotton Spandex : คือ Cotton Fabric ที่มีการเพิ่มเส้นด้ายเสริมความยืดหยุ่น (Spandex) ซึ่งเป็นใยยางสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้ดี และสามารถคืนตัวกลับมาในสภาพเดิม ซึ่งจะผสมอยู่ประมาณ 3-5% ดังนั้นผ้า Cotton Spandex นี้จะมีคุณสมบัติที่ดีของคอตตอนและผ้ายืดผสมกัน คือ เนื้อนุ่มสบาย ดูดซับเหงื่อ และระบายอากาศได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังทนทาน ง่ายต่อการทำความสะอาด และการดูแลรักษา
7. ผ้าโทเร (Torero) : คือผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์ (Polyester) 65% และ ผ้าฝ้าย หรือคอตตอน (Cotton) อยู่ 35% โดยความหนาและความบางจะขึ้นอยู่ที่จำนวนเส้นที่ทอ เช่น 190 และ 210 เส้น นิยมเรียกชื่อตามจำนวนเส้นที่ทอ เช่น ผ้าโทเร 190 หรือผ้าโทเร 210 มีคุณสมบัติที่ดีคือ เบาบาง ระบายอากาศได้ดีมาก และซึมซับเหงื่อได้ดี
ทั้งหมดนี้คือ ประเภทของเส้นใย Cotton Fabric และมีผ้าชนิดอื่นๆ มีฝ้ายผสมอยู่ ให้เกิดผ้าชนิดใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายได้มากขึ้น หรือช่วยแก้จุดด้อยของฝ้าย เช่น ปัญหาที่เกิดรอยยับได้ง่าย ให้สามารถอยู่ทรงและยับได้น้อยลง หรือเพิ่มความยืดหยุ่นให้เพิ่มมากขึ้นโดยการผสม Spandex เข้าไปนั่นเอง
และหากคุณกำลังมองหา Cotton Fabric คุณภาพดี บริษัท ด๊อบบี้เท็กซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด เราคัดสรรฝ้ายที่มีคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างหลากหลาย ทั้ง ผ้าฝ้าย 100, ผ้าฝ้ายพื้นเมือง หรือผ้าฝ้ายกบ ภายใต้เเบรนด์ DOBBYTEX ที่ได้รับความไว้วางจากร้านขายผ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ